สีสำหรับโรงพยาบาล: มาตรฐานใหม่ของความปลอดภัยและสุขอนามัย
การเลือก สีสำหรับโรงพยาบาล ไม่ใช่เพียงเรื่องความสวยงาม หากแต่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสุขอนามัยของทั้งผู้ปฏิบัติงานและผู้รับบริการโดยตรง เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นพื้นที่ที่ต้องการมาตรการควบคุมและป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด การเลือกสีและวัสดุจึงต้องสอดคล้องกับมาตรฐานสากลทั้งในเรื่องความปลอดภัย การป้องกันเชื้อโรค และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นฟูสุขภาพ
ทำไมการเลือกสีสำหรับโรงพยาบาลจึงสำคัญ?
- ส่งผลต่อสุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร
- ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรค
- มีผลเชิงจิตวิทยาต่อความรู้สึกของผู้ป่วยและบุคลากร
- สร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ วางใจได้
มาตรฐานและคุณสมบัติของสีสำหรับโรงพยาบาล
1. สีปลอดสารพิษ ตอบโจทย์สุขอนามัย
- ควรเลือกสีที่ไม่มีสารระเหยอินทรีย์ (Low-VOC หรือ Zero-VOC) เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นฉุน หรือสารพิษฟุ้งออกสู่ห้องต่าง ๆ
- สีต้องไม่มีโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท หรือสารก่อภูมิแพ้ใด ๆ
- ตรวจสอบฉลากมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.), EN71, ISO14001 หรือมาตรฐานสากลอื่น ๆ
2. สีต้านเชื้อโรคและแบคทีเรีย
- เลือกสีที่มีคุณสมบัติ Antimicrobial Paint สามารถช่วยยับยั้งเชื้อรา แบคทีเรียต่าง ๆ ได้
- เหมาะกับบริเวณ ICU, ห้องปลอดเชื้อ ห้องผู้ป่วยวิกฤติ และพื้นที่สาธารณะของโรงพยาบาล
- ช่วยลดโอกาสในการแพร่กระจายของเชื้อโรคบนผิวผนัง
3. โทนสีที่สนับสนุนสภาวะจิตใจและสุขภาพ
- เลือกโทนสีอ่อน สีฟ้า สีเขียว หรือสีเบจ ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวลและเสริมการรักษา
- สีที่เน้นความสะอาด เรียบร้อย สื่อถึงความปลอดภัย
4. ออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Green Hospital)
- โรงพยาบาลยุคใหม่ควรมุ่งสู่นโยบาย Green Hospital โดยเลือกสีและวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- สีที่มีรหัสรับรอง เช่น Green Label, ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
- ช่วยลดภาระการดูแลรักษาและลดการสร้างขยะอันตราย